ปกติการประกอบธุรกิจใด ๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ทั้งในรูปห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด จำเป็นจะต้องทำบัญชีอยู่แล้วตาม พรบ. การบัญชี พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายให้ถูกต้อง แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการบางรายอาจจะคิดไม่ถึงว่าการทำบัญชีนั้นมีประโยชน์คุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับองค์กรธุรกิจนั้น ๆ เอง รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และสถาบันการเงินด้วย
ประโยชน์ของการทำบัญชี
1. ช่วยให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงผลการดำเนินงานของกิจการตามรอบระยะเวลาหนึ่งว่ามีรายรับรายจ่าย มีกำไร-ขาดทุนมากน้อยแค่ไหน มีรายได้หลักรายได้รองเท่าไหร่ เพราะในกระบวนการทางด้านบัญชีนั้นจะต้องมีการวัดและการสรุปผลการดำเนินธุรกิจ
2. ทำให้ทราบถึงสถานะทางการเงินของกิจการทั้งในส่วนของทุนและหนี้สินที่เกิดขึ้น เป็นการรักษาสินทรัพย์ของบริษัท รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการที่จะตัดทอนส่วนที่ไม่จำเป็นเหล่านั้นออก
3. เป็นกลไกการตรวจสอบควบคุมภายในอย่างหนึ่ง ซึ่งครอบคลุมไปถึงการป้องกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย
4. เป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการวางแผนหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเงินการตลาดและการตัดสินใจขยายการลงทุนในอนาคต นอกจากนี้ยังใช้ในการวิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็งขององค์กร ในการกำหนดกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อให้กิจการประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
5. เป็นเอกสารอย่างหนึ่งในการยื่นขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพราะผู้ให้กู้จะต้องทราบถึงฐานะทางการเงินของกิจการว่าสามารถที่จะชำระหนี้ได้หรือไม่อย่างไร อีกทั้งยังใช้เป็นข้อมูลสำหรับบุคคลภายนอกที่จะนำไปศึกษาวิจัย รวมไปถึงบรรดานักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรือผู้ที่สนใจในการลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท
สรุปแล้วการทำบัญชีมีความสำคัญอย่างมากในการประกอบธุรกิจ หากไม่มีข้อมูลเหล่านี้จะทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างไม่รู้สภาพความเป็นจริง ยากต่อการบริหารจัดการให้ธุรกิจมีความก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้หากไม่ทำบัญชีถือว่าผิดกฎหมายและจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมามากมาย
อย่างไรก็ตามปัญหาหนึ่งที่ผู้ประกอบการมักสอบถามผู้รู้ คือ ควรทำบัญชีเองหรือจะจ้างบริษัททำบัญชีให้ดี คำตอบนี้ไม่มีอะไรตายตัวขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจด้วย เพราะถ้าเป็นกิจการขนาดเล็กที่มีเงินทุนหมุนเวียนต่อเดือนไม่เกินสองแสนบาท เป็นธุรกิจที่เจ้าของทำเองก็สามารถดูแลรายรับ-รายจ่ายได้ อาจจะมีหน้าร้านหรือขายทางออนไลน์ การทำบัญชีเองน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ขณะที่ปัจจุบันมีแบบฟอร์มการทำบัญชีสำหรับเอสเอ็มอีแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
สำหรับกิจการขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ที่มีการพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในแต่ละเดือนมีเงินหมุนเวียนเกินสองแสนบาท และมีธุรกิจที่มีรายได้จากหลายช่องทางมีความซับซ้อน อาจจะจ้างบริษัทรับทำบัญชีมาช่วย ซึ่งการจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีจะมีข้อแนะนำต่าง ๆ ที่ทำให้การเสียภาษีลดลงได้บ้างในบางกรณี และทำให้ภาพพจน์ขององค์กรได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยในการวางแผนพัฒนาและขยับขยายธุรกิจในวันข้างหน้า
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะเลือกวิธีไหนที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจของตัวเอง
อ้างอิงเว็ปไซด์ : https://www.krungsri.com